วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560

งานบ้าน ม.4-ม.6

งานบ้าน
• หน้าที่และบทบาทของตนเองที่มีต่อสมาชิกในครอบครัว โรงเรียนและชุมชน
1.ความหมายของหน้าที่และบทบาท
หน้าที่และบทบาท หมายถึง การปฏิบัติสิ่งที่ควรทำหรือต้องทำตามสถานภาพของตนเอง และตามกฎหมายกำหนด เพื่อประโยชน์ของตนเอง สังคมและสามารถอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข สมาชิกทุกคนในสังคมมีหน้าที่ทีจะต้องปฏิบัติตามบทบาทของตนเอง เริ่มตั้ง ครอบครัว ไปสู่โรงเรียน ชุมชน ประเทศ และโลก
2.หน้าที่และบทบาทในฐานะสมาชิกของครอบครัว
ครอบครัว คือ สถาบันพื้นฐานของสังคม ในฐานะที่เราเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวและอยู่ในบทบาทของการเป็นลูก จึงควรเรียนรู้หน้าที่ของลูกที่มีต่อพ่อแม่ เพื่อปฏิบัติต่อท่านย่างเหมาะสม
1.)เคารพเชื่อฟังพ่อแม่ พ่อแม่มีความรักและความหวังดีต่อลูก ดังนั้นลูกจึงต้องเคารพ และเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ ซึ่งถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณของท่านที่เลี้ยงดูเรามาจนโต
2.) รับผิดชอบงานที่พ่อแม่มอบหมายให้ด้วยความเต็มใจ การที่พ่อแม่มอบหมายงานให้ลูกก็เพื่อสอนให้รู้คุณค่าของงาน อดทน ยันขันแข็ง มีความมานะ พยายามรู้จักรับผิดชอบงาน
3.) ช่วยเหลือพ่อแม่ทุกโอกาสที่ทำได้ สิ่งใดที่ส่งผลเสียหายต่อครอบครัว แม้ไม่ใช่หน้าที่โดยตรง ถ้าพบเห็นและสามารถช่วยเหลือป้องกันได้ ก็ควรทำทันทีโดยไม่ต้องรอให้ท่านสั่ง
4.) ประหยัด ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย โดยใช้อย่างทะนุถนอมไม่ให้ชำรุด รู้จักซ่อมแซมของเล่นของใช้ด้วยตัวเอง ไม่ซื้อของเล่นโดยไม่จำเป็นหรือเกินฐานะของตนเอง
5.) ไม่ก่อเรื่องหรือทะเลาะวิวาทให้เป็นที่ยุ่งยากแก่พ่อแม่ การทะเลาะวิวาทกันในหมู่พี่น้อง หรือกับผู้อื่นจะทำให้ครอบครัวไม่มีความสงบสุข พ่อแม่เกิดความไม่สบายใจ
6.)รักใคร่ปรองดองในหมู่พี่น้อง ถ้าลูกๆมีความรักใคร่สามัคคีกัน ไม่ก่อเรื่อง ทะเลาะวิวาทกัน พ่อแม่ไม่ต้องมาคอยแก้ปัญหาการทะเลาะวิวาท
7.) ขยันหมั่นเพียรในการศึกษาเล่าเรียน หน้าที่สำคัญของลูกก็คือ ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ให้ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ เมื่อสำเร็จการศึกษา สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ จะเป็นสิ่งที่เชิดชูวงศ์ตระกูล ทำให้พ่อแม่เกิดความดีใจและภาคภูมิใจ
8.) รู้จักเสนอความคิดเห็น ช่วยกันหาแนวทางในการช่วยเหลือครอบครัว เสนอแนวทางการปฏิบัติตนที่เป็นประโยชน์กับครอบครัว ยินดีรับฟังคำวิจารณ์ ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น จะทำให้ครอบครัวมีความสุข
9.) ประพฤติตนให้สมควรเป็นผู้ดำรงวงศ์ตระกูล ไม่ทำความเสื่อมเสียต่อวงศ์ตระกูล โดยเฉพาะผู้หญิง ต้องรักนวลสงวนตัว ไม่ชิงสุขก่อนห่ามและมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร จึงจะเป็นที่น่าชื่นชมและไว้วางใจของพ่อแม่
3.หน้าที่และบทบาทในฐานะสมาชิกของโรงเรียน
โรงเรียนเป็นสถานที่ศึกษาหาความรู้ มีบุคลากรมากมายที่เกี่ยวข้องกับนักเรียน เช่น ครู อาจารย์ เพื่อนนักเรียน นักเรียนจึงต้องศึกษาการปฏิบัติที่เหมาะสมต่อบุคคลเหล่านี้เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกันและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
1.) หน้าที่ของนักเรียนที่มีต่อครู อาจารย์
นักเรียนต้องให้ความเคารพครู และปฏิบัติตนให้เหมาะกับการเป็นนักเรียนที่ดี ดังนี้
(1) มีสัมมาคารวะต่อครูอาจารย์ทั้งกาย วาจา และใจ
(2) เชื่อฟังคำสั่งสอนของครูอาจารย์
(3) กตัญญูกตเวทีต่อครูอาจารย์
2.)หน้าที่ของนักเรียนที่มีต่อเพื่อนนักเรียน
เพื่อนนักเรียน หมายถึง เพื่อนร่วมชั้นเรียน เพื่อนรุ่นพี่ รุ่นน้อง ซึ่งเป็นลูกศิษย์อาจารย์เดียวกัน อยู่ในเครื่องแบบนักเรียนเหมือนกัน มีความเสมอภาค จึงต้องสร้างความเป็นเพื่อนให้เกิดขึ้นในจิตสำนึกเสมอ โดนปฏิบัติดังนี้
(1) รักใคร่ปรองดองกัน ไม่ทะเลาะวิวาทหรือเอาเปรียบกัน
(2) เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ช่วยเหลือวซึ่งกันและกัน
(3) ส่งเสริมเพื่อนในทางที่ถูกที่ควร ให้กำลังใจเพื่อน ไม่ชักชวนให้เพื่อนกระทำผิด
3) หน้าที่ของนักเรียนที่มีต่อโรงเรียน
โรงเรียนเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้แก่นักเรียน และเป็นสถานที่ที่ทำให้นักเรียนได้ทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ ดังนั้นจึงตอบแทนสิ่งดีๆที่โรงเรียนมอบให้แก่นักเรียน โดยปฏิบัติตน ดังนี้
(1) เคารพและปฏิบัติตามกฎ ข้อบังคับ ประเพณีของโรงเรียน
(2) รับผิดชอบงานในหน้าที่ เช่น ตั้งใจเรียนหนังสือ
(3) ร่วมกิจกรรมส่งเสริมหลักสูตร เช่น การประดิษฐ์ วาภาพ
(4) การเข้าร่วมกิจกรรมที่จัดในโรงเรียน เช่น กิจกรรมชุมนุม
(5) อาสาสมัครเป็นตัวแทนของโรงเรียน เช่น กิจกรรมทางกีฬา
(6) เสียสละสินเพื่อส่วนรวม เช่น บริจาคหนังสือเรียน
(7) บำรุงรักษาโรงเรียน เช่น ไม่ขีดเขียนพื้น โต๊ะ กวาดใบไม้
4) หน้าที่และบทบาทในฐานะสมาชิกของชุมชน
ชุมชน หมายถึง กลุ่มคนที่อยู่ร่วมกันเป็นสังคมในพื้นที่ใดที่หนึ่ง และมักเป็นสังคมขนาดเล็ก ในฐานะที่นักเรียนเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน จึงต้องปฏิบัติตนให้เป็นประโยชน์ต่อชุมชน ดังนี้
1) รักษาสุขลักษณะของชุมชน ช่วยกันรักษาความสะอาดของถนนหนทาง
2) อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในชุมชน ดูแลทำความสะอาดโทรศัพท์สาธารณะ ไม่ทำลายโบราณวัตถุในชุมชนให้เกิดความเสียหาย
3) ป้องกันภัยในชุมชน ช่วยกันรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนในชุมชน
4) พัฒนาชุมชน ช่วยซ่อมแซมถนน สะพาน สัด สถานที่ราชการต่างๆ ปลูกต้นไม้ ขุดสระ
• การดูแลรักษา ทำความสะอาด จัด ตกแต่งบ้านและโรงเรียน
1.การดูแลรักษาและกาทำความสะอาดบ้าน
การดูแลรักษาและทำความสะอาดบ้าน เป็นการดูแลรักษาห้องต่างๆ ภายในบ้าน เครื่องเรือน เครื่องใช้ไฟฟ้า ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดและน่าใช้อยู่เสมอ รวมถึงการดูแลรักษาและทำความสะอาดภายนอกบ้าน
1) ทำความสะอาดห้องต่างๆ ภายในบ้าน ด้วยกานปัด กวาด เช็ดถู ผนังห้อง พื้น หน้าตาง เพดาน
2) ทิ้งขยะทุกวัน โดยแยกขยะเปียก แห้ง และมัดปากถุงให้แน่นห่อนนำไปทิ้ง เพื่อป้องกันกลิ่นเหม็นเล็ดออกมา
3) ทำความสะอาดเครื่องเรือน
(1) ประเภทเครื่องไม้ ถ้ามีรอยคราบให้ใช้กระดาษขาวชนิดหนาวางทับเหนือรอยคราบแล้วใช้เตารีดไฟปานกลางนาบซ้ำหลายๆครั้ง จนกว่ารอจะหาย กรณีเปื้อนน้ำตาเทียมที่ขูดไปแล้วแต่ยังมีรอยให้ใช้น้ำมันสนเช็ดออก ส่วนรอยขีดข่วน ให้ใช้น้ำมันชักเงาถูๆ
(2) เครื่องเรือนประเภทผ้าบุนวม หมั่นดูดฝุ่นและปัดฝุ่นเป็นประจำ ให้ใช้ผ้าซับน้ำไว้ไม่ให้กระจายเป็นวงกว้างถ้ามีคราบเปื้อนให้ใช้ผ้าซับน้ำไว้ไม่ให้กระจายเป็นวงกว้าง ถ้ามีคราบเปื้อนให้ใช้สบู่ถูบริเวณที่เปื้อน แล้วใช้ผ้าซับสบู่และน้ำออกมาจากนั้นใช้เครื่องเป่าเป่าให้แห้ง
(3) เครื่องเรือนประเภทหนัง โซฟาหนังที่เกิดรอยด่าง ใช้ผ้าชุบน้ำพอหมากเช็ดถู นำยาสระผมหรือน้ำยาทำความสะอาดหนัง ชุบผ้าสำลีทาทั่วบริเวณที่เป็น แล้วใช้ผ้าสะอาดเช็ดออก
(4) เครื่องเรือนประเภทโลหะ หากมีน้ำหรือของเหลวหกใส่ ควรรีบทำความสะอาดทันที เพราะอาจเป็นสาเหตุของสนิมและรอยคราบสกปรก
(5) เครื่องเรือนประเภทพลาสติก ควรเช็ดทำความสำอาดเป็นประจำด้วยผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ
4) ดูแลรักษาและทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้าและสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันอย่างถูกวิธี เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานโดยไม่ต้องซื้อใหม่ ดังนี้
1.ตู้เย็น
- จัดวางตู้เย็นให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ห่างจากผนังประมาณ 6 นิ้ว - ไม่ตั้งตู้เย็นไว้บริเวณ เตาหุงต้ม หรือที่เปียกชื้น
- ห้ามใช้ของแหลมคมแซะน้ำแข็งในช่องแช่แข็ง
- หมั่นละลายน้ำแข็ง
- ไม่ควรนำของร้อนแช่ตู้เย็น
- ทำความสะอาดด้านหลังตู้เย็นอยู่เสมอ
2.เตารีดไฟฟ้า
- ตั้งปุ่มระดับความร้อนให้เหมาะสมกับชนิดของผ้ที่จะรีด รีดครั้งละมากๆ เพื่อประหยัดไฟฟ้า
- ก่อนเสียบหรือถอดปลั๊กควรปิดเตารีดก่อน
- เมื่อเกิดการชำรุด ควรซ่อมแซมก่อนจึงนำมาใช้ หรือแยกออกมาเพื่อรอซ่อม
- ก่อนเก็บเตารีด ควรรอให้ตัวเตารีดเย็นลงเสียก่อน จึงเช็ดทำความสะอาดด้วยผ้านิ่มๆ
- ถ้าเกิดรอยไหม้ ให้ใช้ยาสีฟันขัดถูที่รอยไหม้หลายๆครั้ง
3.เครื่องซักผ้า
- ทำความสะอาดตัวเครื่องให้สะอาดและแห้ง หลังใช้งานและเปิดฝาเพื่อระบายความร้อนสักครู่ก่อน
- ล้างกล่องใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- ล้างตัวกรองน้ำเข้าทุกเดือน
- ล้างถุงกรองให้สะอาดทุกสัปดาห์และระวังไม่ให้ถุงกรองขาด
4. เครื่องดูดฝุ่น
- ไม่ควรดูดฝุ่นที่เป็นเศษแก้ว เพราะอาจทำให้ถุงเก็บฝุ่นขาดได้ นอกจกานี้ไม่ควรดูดน้ำเพราะจะทำให้ถุงเก็บฝุ่นเปียกชื้น ขึ้นรา เกิดกลิ่นเหม็น
- ไม่ควรให้ตัวเครื่องถูกน้ำ
- ไม่ควรเก็บไว้ใกล้แหล่งความร้อน
- ทำความสะอาดภายในเครื่องทุกครั้งหลังใช้งาน
5.เตาไม่โครเวฟ
- ไม่ควรวางไมโครเวฟไว้ใกลเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เพราะจะทำให้รบกวนระบบการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านั้น
- ตั้งเวลาและอุณหภูมิให้สอดคล้องกับชนิดและปริมาณอาหาร
- ทำความสะอาดภายในเครื่องทุกครั้งหลังใช้
6. พัดลม
- อย่าเปิดพัดลมทิ้งไว้โดยไม่ใช้งาน
- ปรับระดับความเร็วลมให้เหมาะสม
- ปิดพัดลมและดึงปลั๊กออกทุกครั้งหลังใช้
- หมั่นถอดใบพัดลมและฝาครอบใบพัดลมมาล้างทำความสะอาดเสทอ
7. เครื่องปรับอากาศ
- ตั้งปุ่มปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมโดยไม่ต่ำกว่า 25 องศา
- หมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ ไม่ให้มีฝุ่นจับเพราะประสิทธิภาพการทำความเย็นจะลดลง
8. หม้อหุงข้าวไฟฟ้า
- อย่าเปิดฝาหม้อหุงข้าวดูในขณะหุงข้าว
- ไม่เก็บหม้อข้าวไว้ในที่ชื้น เพราะจะเป็นสนิมได้ง่าย
- ตรวจสอบขั้วต่อสายที่หม้อหุงข้าวเป็นประจำถ้าชำรุดควรซ่อมแซมก่อนใช้
- ก่อนวางหม้อชั้นในลงในหม้อชั้นนอก ให้เช็ดด้านนอกของหม้อชั้นในให้แห้งสนิท
- ห้ามใช้ฝอยขัดหรือแผ่นขัดหม้อชั้นใน
9. กาต้มน้ำไฟฟ้า
- ถ้าต้มน้ำต่อเนื่อง ต้องมีน้ำบรรจุไว้เสมอ
- ไม่วางกาต้มน้ำไว้ใกล้วัสดุติดไฟ
- ห้ามใส่น้ำให้ปริมาณมากเกินไป เพราะเวลาน้ำเดือดจะเกิดน้ำล้น และทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรได้
- เมื่อไม่ใช้งานเป็นเวลานานควรถอดปลั๊กไฟฟ้า เทน้ำทิ้งคว่ำไว้ให้แห้ง
10. โทรทัศน์
- ไม่ควรกดรีโมตเปลี่ยนช่องบ่อยๆ เพราะสิ้นเปลืองพังงานไฟฟ้า
- ในการดูโทรทัศน์เวลากลางคืน ควรใช้สวิตซั้งเวลาปิดโทรทัศน์
- ในขณะที่มีฝนตก ฟ้าผ่า ควรปิดโทรทัศน์และถอดปลั๊กไฟฟ้าออก
- ติดตั้งเสาอากาศให้มั่นคงแข็งแรง ห่างจากสายไฟฟ้า
- ปิดโทรทัศน์และถอดปลั๊กเมื่อดูเสร็จ
- วางไว้ในที่ถ่ายเทอากาศดี
2. การจัดและตกแต่งบ้าน
การจัดและตกแต่งบ้าน ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย มีประโยชน์ใช้สอยคุ้มค่า และประหยัด มีแนวทางดังนี้
1) เลือกใช้เครื่องเรือนของตกแต่งให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง
2) เลือกใช้เครี่องเรือนและของตกแต่ง เช่น พรหม ผ้าม่าน ให้มีสีสันเหมาะกับผนังพื้นห้อง
3) เลือกใช้เครื่องเรือนและของตกแต่งที่ทำความสะอาดได้ง่าย
4) จัดวางเครื่องเรือน ของตกแต่ง และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ในตำแหน่งที่สามารถใช้งานได้สะดวก
5) เลือกภาพติดผนังในแต่ละห้องให้เหมาะสม
6) จัดจุดสนใจไว้บริเวณต่างๆ ของห้อง โดนเฉพาะมุมมืด
7) ในห้องที่คับแคบควรเลือกใช้เครื่องเรือนและของตกแต่งสีอ่อน หรือติดกระจกเงาไว้ที่ผนังห้องด้านใดด้านหนึ่ง
8) ตำแหน่งการจัดวางเครื่องเรือนและของตกแต่งในห้องต่างๆ ไม่ควรบังทิศทางลม
9) ปรับแสงให้เหมาะกับการใช้งาน ถ้าหากมีแสงแดดส่องส่องเข้ามาในห้องมากเกินไป ให้ติดมู่ลี่หรือผ้าม่านที่ประตูและหน้าต่าง ใรห้องที่มีแสงน้อยควรติดโคมไฟในจุดที่ใช้งาน
3. การจัดตกแต่งโรงเรียน
การจัดตกแต่งโรงเรียน เป็นการทำให้โรงเรียนสวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งทำได้หลายวิธี เช่น การจัดสวน จัดซุ้ม
การจัดโรงเรียนให้มีความสวยงาม ต้องมีความรู้พื้นฐานในเรื่องของการออกแบบ การเลือกไม้พันธุ์ ขั้นตอนการจัดสวน การดูแลรักษาให้อยู่ได้ยาวนาน
1)การออกแบบสวน การออกแบบสวนให้สวยงามกลมกลืน และมีประโยชน์ใช้สอย ต้องอาศัยหลักศิลปะ ดังนี้
(1)ความกลมกลืนกัน
ลักษณะความกลมกลืนกันภายในสวนขึ้นอยู่กับลักษณะของพื้นที่ของสวน อาคารสถานที่และต้นไม้ที่ใช้ปลูก
• ลักษณะของพื้นที่ของสวน เป็นรูปสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม หรือวงกลม
• ต้นไม้ที่ใช้ปลูก ควรเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะพื้นที่และตัวอาคาร
(2)รูปแบบของสวน
(2.1) สวนแบบเป็นทางการ คือ การจัดสวนที่อาศัยรูปทรงเรขาคณิต
(2.2) สวนแบบไม่เป็นทางการ คือ การจัดสวนที่ไม่อาศัยรูปทรงเรขาคณิตเป็นหลัก และพิจารณาจากความเหมาะสมโดยไม่จำเป็นต้องมีความเท่ากันหรือเหมือนกัน
(3) เป็นการแบ่งสัดส่วนกันระหว่างพื้นที่โล่งได้แก่ พื้นที่ที่เป็นน้ำ ดิน และหญ้า
(4) เส้น เส้นเป็นสิ่งที่ทำให้สวนมีความแตกต่างกันในด้านความรู้สึกเมื่อมองเห็น ดังนี้
• เส้นที่ตรงไปตามแนวนอน ให้ความรู้สึกสงบ พักผ่อน
• เส้นในแนวตั้ง 90 องศา หึความรู้สึกเคลื่อนไหว
• เส้นทแยงมุม เส้นขวางหรือเส้นซิกแซ็ก ให้ความรู้สึกว่องไวและมีชีวิตจิตใจ
• เส้นโค้ง แบะเนินเขา ไม่เคลื่อนไหวเร็วเท่าเส้นซิกแซ็ก ช้าและนุ่มนวลกว่า แต่ถ้าเส้นโค้งที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว และกะทันหัน จะทำให้เกิดอาการกระตุ้น หรือความรู้สึกที่มีชีวิต
(5) รูปร่าง รูปร่าทางเดินในสวนหรือรูปแบบของสนามหญ้า ผู้ออกแบบต้องเป็นผู้ใช้ความสามารถในการจัดสางให้ทุกส่วนภายในมีความสัมพันธ์กัน โดยอาจประยุกต์ใช้จากการแบ่งพื้นที่หรือแบ่งตามสีชองพันธ์ไม้และสีของสิ่งตกแต่ง
(6) ผิวสัมผัส ก้อนหินและทางเดิน ที่มีผิวหยาบจะทำให้เกิดความรู้สึกแข้งกล้าเหมือนกับเส้นตรงและให้ความรู้สึกโบราณ ส่วนก้อนหินและทางเดินที่มีพื้นผิวที่ละเอียดจะให้ความรู้สึกร่าเริงและลึกลับกว่าผิวหยาบ
(7) สี หมายถึง สีของไม้ซึ่งช่วยเพิ่มความสว่างแก่สวน การมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องสี จะช่วยให้สามารถจัดกลุ่มสีของสวนให้กลมกลืนและสวยงามมากขึ้น
2) พันธ์ไม้ที่ใช้ตกแต่งสวนสวนกับพันธุ์ไม้เป็นของคู่กัน ความสวยของสวนขึ้นอยู่กับพันธุ์ไม้รวมทั้งองค์ประกอบต่างๆ และการจัดวางอย่างมีศิลปะ
พันธุ์ไม้แบ่งตามลักษณะการเจริญเติมโต มีดังนี้
(1)ไม้ยืนต้น เช่น ตะแบก อินทนิล จามจุรี ราชพฤกษ์ เป็นต้นไม้ใหญ่ สูงกกว่า 3 เมตร สำหรับปลูกเพื่อให้ร่มเงา และเป็นฉากของต้นไม้อื่นๆ โดยจำนวนต้นไม้ที่ปลูกนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ในการใช้จัดสวน
(2)ไม้ประธาน เช่น กรรณิการ์ กาหลง กุหลาบ แก้วเจ้าจอม ข่อยดัด จันทน์ผา ปาล์มพันธ์ต่างๆ ไผ่น้ำเต้า สนมังกร วาสนา หมากเขียว ไผ่ฟิลิปปินส์ พันธ์ไม้กลุ่มนี้สูงประมาณ 1.2-3 เมตร ส่วนใหญ่ปลูกเพิ่อเป็นจุดเด่น หรือจุดดึงสายตา
(3)ไม้พุ่ม เช่น ชบา เข็ม ยี่เข่ง ยี่โถ มีความสูงประมาณ 0.3-1.2 ควรปลูกมากกว่าหนึ่งระดับ เพื่อให้ลดหลั่นและเกิดมิติทางด้านสูง-ต่ำ นิยมปลูกเป็นแปลงเพื่อความเป็นระเบียบสวยงาม ดูแลรักษาง่าย ทำให้เห็นเส้นและรูปทรงที่ชัดเจน
(4)ไม้คลุมดิน เป็นพันธุ์ไม้ที่อยู่ริมนอกสุดของแปลง มีความสูงน้อยกว่า 30 เซนติเมตร ปลูกเพื่อเชื่อมระดับความสูงของไม้พุ่มกับหญ้าหรือพ้นด้านหน้า ช่วยเน้นแนวของแปลงให้ชัดเจน สร้างความเป็นระเบียบให้กับแปลง ทำให้มีพื้นที่สวนมากขึ้น
(5) หญ้า เป็นพืชมงคลเพื่อป้องกันการพังทลายของหน้าดิน มีความสวยงาม และสามารถเหยียบย่ำได้ หญ้าที่นิยมปลูกโดยทั่วไปมี 2 ชนิด ได้แก่ หญ้านวลน้อยและหญ้ามาเลเซีย
1)วัสดุอื่นๆ ที่ใช้ตกแต่งสวน มีดังนี้
(1) หิน การใช้หินมาตกแต่งสวนนั้น ควรใช้หินชนิดเดียวกัน แต่มีขนาดแตกต่างกัน
หินที่นิยมใช้ในการจัดสวน ได้แก่ หินศิลาแดง หินภูเขา หินแม่น้ำ หินทะเล หินกาบ หินชั้น และหินแผ่น
(2) เก้าอี้สนาม ม้านั่ง และชิงช้า ให้เห็นถึงการเชื้อเชิญให้หยุดพักผ่อนและนั่งเล่น ควรเลือกใช้ชุดสนามที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ทนแดด ทนฝนได้ดี
(3) รูปปั้น การใช้รูปปั้นแต่งสวนเป็นวิธีการเรียกร้องความสนใจอีกอย่างหนึ่ง โดยทั่วไปรูปปั้นมักจะทำจากดินเผา หิน ทองแดง เหล็ก ไฟเบอร์ และบรอนซ์ ในพื้นที่แคบๆ ควรใช้รูปปั้นที่มีลักษณะมันวาว ทำให้พื้นที่ดูกว้างขึ้น
(4) กระถางหรือภาชนะบรรจุต้นไม้ต่างๆ ควรเลือกใช้ชนิดที่ทำมาจากดินเผาเคลือบ มีรูระบายน้ำ และสามารถเคลื่อนย้ายหรือสับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
(5) น้ำและไฟในสวน เสียงหรือแสงระยิบระยับของน้ำยามต้องแสงแดด หรือเงาที่สะท้อน ตามพื้นน้ำจะช่วยให้สวนมีชีวิตชีวามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสระน้ำ น้ำพุ หรือน้ำตก สำหรับการติดตั้งไฟสวนนั้นเป็นการยืดเวลาการใช้สวนให้ยาวนานออกไป คือสามารถใช้ในตอนกลางคืนได้ และเพื่อความสวยงามของต้นไม้ในสวน การติดตั้งไฟควรใช้ไฟที่ป้องกันน้ำ เวลาฝนตกหรือรดน้ำต้นไม้ทนแดดทนความร้อน
(6) ศาลา เป็นองค์ประกอบที่ให้ร่มเงา และผู้ใช้สามารถนั่งพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติได้
4.ขั้นตอนการจัดสวน การจัดสวนและออกแบบแล้วมีขั้นตอน ดังนี้
(1) การเตรียมพื้นที่ เป็นการปรับพื้นที่ที่จะจัดสวนให้เรียบโล่ง เหลือไว้แต่สิ่งที่ใช้ได้ในภายหลัง การปรับพื้นที่ทำได้โดยรดน้ำพื้นเดินจนเปียก แล้วใช้ลูกกลิ้งขนาดใหญ่บดให้เรียบ ถ้าบริเวณใดยุบเป็นบ่อ ให้เติมดินลงไป ปรับพื้นดินให้ลาดเอียง ไปทางท่อระบายน้ำ และราดเอียงออกจากตัวาคาร
(2) การเลือกซื้อพันธ์ไม้ เป็นการสำรวจและหาแหล่งพันธุ์ไม้ที่อยู่ในสวนที่ออกแบบไว้ โดยเลือกชนิดของไม้ ขนาด และรูปทรง เมื่อเลือกได้แล้ว ต้องเตรียมขุดหลุมพร้อมที่จะปลูกได้
(3) การปรับหลุมปลูกต้นไม้ เมื่อได้ตำแหน่งที่จะปลูกต้นไม้แต่ละต้นแล้ว ให้ใช้ปูนขาวโรยตามจุดนั้น เพื่อที่จะเตรียมจุด เมื่อขุดดินออกแล้วควรย่อยดินให้ละเอียด ผสมกับปุ๋ยคอกหรืปุ๋ยหมักและปูนขาวอย่างละกำมือ เพื่อช่วยให้ต้นไม้เจริญเติมโตได้ดี แล้วกลบลงไปในหลุมตามเดิมเพื่อเตรียมรอปลูกต้นไม้
(4) การวางก้อนหิน ควรวางตั้งแต่ 2 ก้อนขึ้นไป ถ้ากลุ่มใหญ่ก็แบ่งออกเป็นกลุ่มย่อย 2 หรือ 3 กลุ่ม
(5) การปลูกไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม และไม้คุมดิน เมื่อเตรียมหลุม และเตรียมดินในหลุมเรียบร้อยแล้ว ให้ปลูกต้นไม้ต้นใหญ่ก่อน โกยดินออกจากหลุมให้ลึกให้เท่ากับความสูงของกระถาง วางต้นไม้ไว้ในหลุม กลบดินให้แน่นและให้โคนต้นไม้เสมอปากหลุมรอบๆ และทำเป็นแอ่งรับน้ำไว้เพื่อให้ต้นไม้ได้รับน้ำมากที่สุด
การปลูกไม้พุ่มในแปลงใหญ่ที่เตรียมไว้ ควรเว้นระยะที่พอเหมาะแก่การเจริญเติมโตของไม้พุ่มชนิดนั้นๆด้วย การปลูกไม้คุมดินง่ายต่อการถอดกระถางออก ไม้คลุมดินส่วนใหญ่ค่อนข้างทนทาน ถ้าภายในกระถางมีหลายต้นก็แยกปลูกได้ จะได้ประหยัดต้นไม้
(6) การปลูกหญ้า ปรับพื้นดินให้เรียบ โดยใช้ดินกลบอัดให้แน่น ทรายที่ใช้รองพื้น อาจะใช้หน้า 1-2 เซนติเมตร คำนวณคร่าวๆ คือใช้ทราย 1 ลูกบาศก์เมตร ต่อพื้นที่ 60 ตารางเมตร และสั่งทรายมาส่งก่อนหญ้า 1 วัน ปุ๋ยคอก 1 กระสอบ ต่อพื้นที่ 60 ตารางเมตร ปูนขาว 1 ถุง ต่อพื้นที่ 60 ตารางเมตร ให้นำทรายไปเกลี่ยบนพื้นที่ปลูกหญ้าใช้ไม้ปาดให้เรียบเพื่อปรับระดับบริเวณที่เป็นหลุมเป็นบ่อให้สม่ำเสมอ โรยปูนขาวและปุ๋ยคอก ปูหญ้า ที่วางทับกันไว้ อาจปูตามแนวใดแนวหนึ่งของสนามก็ได้ วางหญ้าให้ขอบชิดกันพอดี หรือห่างกัน ๑ เซนติเมตร เพื่อจะได้ใช้ลูกกลิ้งอัดทั้ง ๔ ด้านอีกครั้ง แต่ถ้าไม่มีลูกกลิ้งก็ปูหญ้าโดยจับขอบให้ชิดกันสูงจากดินประมาณ ๒.๕ เซนติเมตร แล้วใช้มือทุบ ลงให้ชนกันสนิท หรือใช้ไม้ทุบอีกครั้งหนึ่งให้ทั่วและปูต่อกันไปเรื่อยๆ บริเวณโคนต้นไม้ควรปูให้ทับโคนแล้วตัดออกเป็นรูปวงกลม หลีกเลี่ยงการปูที่ต้องแซมหญ้าเล็กๆ เพราะอาจจะตายได้ไงเมื่อปูหญ้าเสร็จแล้ว ควรรดน้ำตามให้ชุ่ม
(๗) การปูทางเท้า ควรปูหลังจากได้ปูหญ้าเรียบร้อยแล้ว โดยโรยปูนขาวเป็นแนวตามแบบ แล้วจึงปูวัสดุ ไม่ให้อยู่ใกล้กันเกินไป
5.การดูแลรักษาสวน การจัดสวนตกแต่งอาคารสถานที่ต่างๆ แม้ว่าจะสวยงามเพียงใดก็ตามหากขาดการเอาใจใส่ดูแลรักษา หรือดูแลรักษาไม่ถูกต้องความสวยงามดังกล่าวก็จะค่อยๆ หมดไปในที่สุด
การออกแบบสวนจะต้องให้สะดวกต่อการเข้าไปดูแลรักษาเพื่อไม่ให้พันธุ์ไม้เจริญเติบโตมากเกินไปหรือแห้งเหี่ยวเฉาตายและคงสภาพความสวยงามให้นานที่สุด ซึ่งค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสวนให้คงสภาพนั้น ต้องใช้เงินจำนวนมากกว่าการออกแบบจัดสวน ในปัจจุบันจึงมีอาชีพการดูแลรักษาสวน ซึ่งเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่สามารถทำรายได้ให้ผู้ประกับธุรกิจด้านนี้ค่อนข้างมาก
การดูแลรักษาสวนมีแนวปฏิบัติ ดังนี้
(1) การตกแต่งพันธุ์ไม้ ตัดแต่งกิ่งก้านที่แห้งตาย กิ่งที่อ่อนแอ ฉีกขาด กิ่งที่เป็นโรค เจริญผิดปกติ นอกจ่กนั้นยังทำเพื่อตกแตงตามรูปทรงที่ต้องการ ควบคุมการเจริญเติมโต การตกแต่งพันธุ์ไม้แต่ละครั้งต้องใช้เครื่องมือที่เหมาะกับงาน ใช้ให้ถูกวิธี และเครื่องมือที่ใช้ต้องคม เครื่องมือที่ใช้ตกแต่งได้แก่ เลื่อนตัดแต่งกิ่ง กรรไกรตัดแต่งกิ่ง ซึ่งมีทั้งชนิดที่ถือมือเดียว และชนิดที่ต้องใช้สองมือช่วย
(2) การดูแลบำรุงรักษาสนามหญ้า
• การให้น้ำ ในระหว่างช่วงสัปดาห์แรก ของการปลูกหญ้า จะต้องให้น้ำวันละหลายๆรอบ และคอยดูแบไม่ให้บริเวณนั้นแห้ง ในช่วงสัปดาห์ที่สองการให้น้ำจะลดลงเหลือเพียงวันละครั้ง
• การให้ปุ๋ย สนามหญ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง หากตรวจสอบแล้วไม่ใช่อาการที่เกิดจากสภาพของดิน หรือโรครบกวน แสดงว่าขาดธาตุอาหาร จำเป็นจะต้องให้ปุ๋ยกับสนามหญ้าเดือนละ 1 ครั้ง
• โรคและแมลง โดยทั่วไปจะเกิดน้อยมาก ได้แก่ โรคราสนิม โรคใบขีดโปร่งแสง แมลง ได้แก่ หนอนด้วง หนอนต่างๆ รวมทั้งมดคันไฟ การใช้สารเคมีจำกัดโรคและแมลงต่างๆควรใช้ให้ถูกต้อง
• วิธีการตัดหญ้า ควรตัดออกไม่เกิน 1 ใน 3 ของความยาวหญ้า ก่อนตัดโดยทั่วๆไป จะต้องให้เหลือความสูงประมาณหนึ่งนิ้วครึ่งถึงสองนิ้วครึ่ง
(3) การให้ปุ๋ยพันธ์ไม้ต่างๆ ควรเลือกใช้ให้ถูกต้องตามชนิด ใส่ให้ถูกเวลา ควรให้ในเวลาเช้า สัปดาห์ละ 1 ครั้งในปริมาณที่ไม่ต้องเข้มข้นมากนัก
(4) การป้องกันและจำกัดศัตรูพืช โรคที่พบอาจเกิดจาก เชื้อรา แบคทีเรีย ไส้เดือนฝอย ด้วง หนอนต่างๆ แมลงปากดูด เพลี้ยไฟ การฉีดพ่นเคมี ควรทำด้วยความระมัดระวัง
(5) การจำกัดวัชพืช ควรจำกัดออกให้ได้มากที่สุดด้วยการถอน ใช้กรรไกรตัดหญ้า หรือเครื่องตัดหญ้า
(6) ซ่อมแซมและเปลี่ยนองค์ประกอบอื่นๆ ถ้าพบรั้ว ทางเท้าหรือเก้าอี้สนามที่ชำรุด ควรรีบทำการซ่อมแซม ปรับปรุงให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้
4.การดูแลทำวามสะอาดโรงเรียน
การดูแลทำความสะอาดโรงเรียน ได้แก่ การดูแลรักษาความสะอาดห้องเรียน บริเวณพื้นดิน สนามหญ้า สวนหย่อม สระน้ำ และห้องน้ำ
1) การรักษาความสะอาดห้องเรียน มีดังนี้
(1) ไม่ขีดเขียนบนโต๊ะ เก้าอี้ บนพื้นและผนังห้องเรียน
(2) ไม่ทิ้งขยะในห้องเรียน
(3) ไม่รับประทานอาหารเครื่องดื่มในห้องเรียน
(4) จัดเวรทำความสะอาดห้องทุกสัปดาห์
2) การดูแลและทำความสะอาดระเบียง ทางเดิน บริเวรพื้นดิน สนามหญ้า สวนหย่อม สระน้ำ และห้องน้ำในบริเวณโรงเรียน มีแนวทาง ดังนี้
(1) ไม่ทิ้งขยะบนระเบียง ทาเดิน พื้นดิน สนามหญ้า สวนหย่อม และในสระน้ำ
(2) เก็บขยะที่พบบนระเบียง ทางเดิน บริเวณพื้นดิน สนามหญ้า สวนหย่อม และสระน้ำในบริเวณโรงเรียน ไปทิ้งลงถังขยะจามประเภทของขยะ เพื่อความสะดวกของผู้เก็บในการแยกไปรีไซเคิล หรือนำเข้าระบบธนาคารขยะของโรงเรียน
(3) เมื่อพบว่าประตู หน้าต่าง ป้ายนิเทศ ระเบียง ทางเดิน บันได สนามหญ้า สวนหย่อม และห้องน้ำชำรุดเสียหาย หรือสรำน้ำสกปรกควรแจ้งอาจารย์

2 ความคิดเห็น:

  1. เป็นการศึกษาที่ต้องลงมือปฏิบัติ ทำเป็นนิสัย

    ตอบลบ
  2. The new Betway sign up offer is now live | JTM Hub
    New customers 익산 출장안마 at the Betway Casino can get the best in welcome bonuses. 포항 출장안마 “The offer includes a $50 bonus 전라남도 출장샵 and 동해 출장샵 up to $1000 deposit match plus 100% 청주 출장안마 deposit match

    ตอบลบ